ยางรถยนต์
เรื่องของยางดูจะเป็นเรื่องที่ผู้ขับขี่อาจไม่ได้มีความสนใจมากมาย ยกเว้นตอนที่ต้องเปลี่ยนยาง รายละเอียดของยางปกติจะดูได้จากตัวล้อยางโดยตรง อย่างเช่น 225/65 R17 มีความหมายคือ 225 คือความกว้างของล้อยาง 65 คือ ความสูงของแก้มยาง และ R คือชนิดยาง ส่วน 17 คือ เส้นผ่าศูนย์กลางล้อ ที่หลายคนเรียกว่า "ขอบยาง" เป็นต้นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากๆ เวลาเราจะเปลี่ยนยาง นั่นคือ โค๊ตยาง ซึ่งจะเป็นตัวบ่งบอกวันผลิต แน่นอนเวลาเราจะเปลียนยาง คนส่วนใหญ่ต้องการ "ยางใหม่" ไม่มีใครอยากได้ "ยางเก่า" เพราะยางเก่าอาจแข็งและไม่เกาะถนนเท่ายางใหม่ ตัวอย่างโค๊ตที่จะติดที่แก้มยาง 1410 หมายถึง ยางผลิตมาได้ 14 สัปดาห์ของปี 2510 เป็นต้น (สองตัวแรกคือ สัปดาห์ สองตัวหลังคือ ปีที่ผลิต)
ทำไมต้องสลับยาง
การขับรถโดยทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นทางตรง ทางโค้ง เลี้ยวซ้าย เลี้ยยวขวา หรือแม้กระทั่งการขึ้นตึกที่จอดรถ จะมีผลกับการสึกหรอที่ไม่เท่ากัน ดังนั้น เพื่อให้ยางมีความสมดุลในทุกๆ ล้อ การสลับยาง จะช่วยยืดอายุของยางรถยนต์ได้ด้วยการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ
เป็นกระบวนการในการปรับแต่งล้อรถยนต์ให้เหมาะสมกับการขับขี่ แบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอนคือ "ตั้งศูนย์" และ "ถ่วงล้อ"- การตั้งศูนย์ คือ การปรับสภาพของระบบรองน้ำหนักให้กลับคืนสู่ค่าที่กำหนดของโรงงานผู้ผลิต
- การถ่วงล้อ คือ การถ่วงน้ำหนักบนล้อรถ ทั้งด้านในและด้านนอก
เคล็ดลับน่ารู้ เกี่ยวกับการปะยาง
ปัญหาที่น่ารำคาญใจของคนขับรถก็คือ ยางแตก ยางแบบ ที่มีปัญหามาจากตะปู หิน หรือของมีคมต่างๆ การปะยางดูจะเป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็มีข้อควรระวังหลายอย่างที่คนขับรถอย่างเราๆ ควรทราบ- ยางที่สามารถปะซ่อมได้ ควรมีความหนาอย่างน้อย 2 มิลลิเมตรขึ้นไป
- แผลที่จะปะไม่มีความยาวเกิน 6 มิลลิเมตร
- ยางหนึ่่งเส้น ไม่ควรมีรอยปะมากกว่า 2 ครั้ง
- การปะยางจะปะเฉพาะส่วนหน้ายางที่สัมผัสถนน เท่านั้น
- ห้ามปะยางในส่วนของแก้มยาง
0 comments:
Post a Comment