เทคโนโลยีความปลอดภัย สำหรับยางรถยนต์

ยางรถยนต์ ชิ้นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อน

ไม่ว่าคุณจะขับรถยนต์ขนาดเล็กหรือรถยนต์ขนาดใหญ๋ ยางรถยนต์ก็มีความสำคัญไม่แตกต่างกัน ปัญหาของยางรถยนต์ นอกเหนือจากยางแบน ยางรั่ว ยางลมอ่อนเกินไป อาจมีผลกับความปลอดภัยในการขับขี่แทบทั้งสิ้น แต่จะดีไหม ถ้ามีเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยแจ้งเตือนก่อนที่จะสายเกินไป
TPMS

บทความนี้จะมาแนะนำอุปกรณ์ในการตรวจสอบลมยาง "แบบไร้สาย" หรือที่เราอาจเรียกว่า wireless โดยอุปกรณ์ตัวนี้ สามารถจับระดับของลมภายในยางว่า สมควรที่จะเติมลมแล้วหรือยัง นอกจากนี้ ยังสามารถแจ้งเตือนระดับความร้อนและส่งเสียงให้ผู้ขับขี่รับทราบได้ทันที เพื่อทำการแก้ไขก่อนเกิดอันตราย

เท่าที่สำรวจในท้องตลาด อุปกรณ์ เครื่องเช็คลมยางไร้สาย มีหลายรุ่น มีแบบทั้งใช้พลังงานแบตเตอรี่ ชาร์จไฟจากที่จุดบุหรี่ รวมทั้งแบบใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ดังนั้น ควรตรวจสอบให้ดี

วิธีการใช้งานเครื่องเช็คลมยางไร้สาย

มีหลักการติดตั้งง่ายๆ คือ จะมีจุกปิดลมยาง (เปลี่ยนจากของปัจจุบัน) ติดตั้งให้ถูกว่า อยู่ด้านซ้ายหน้า ขวาหน้า หรือซ้ายหลัง หรือขวาหลัง ทั้งนี้ อุปกรณ์จุกปิดลมยาง จะมีตัวเซ็นเซอร์เพื่อบอกระดับแรงลมและอุณหภูมิภายในล้อ และส่งสัญญานแจ้งเตือนไปยังอุปกรณ์ในการรับสัญญาณ ที่เราติดตั้งภายในรถยนต์ โดยแสดงเป็นตัวเลข

หลักการเลือก เครื่องเช็คลมยางไร้สาย

  • ควรรองรับการชาร์จไฟทั้งจากที่จุดบุหรี่ และพลังงานแสงอาทิตย์
  • การติดตั้ง ต้องง่าย ไม่สับสน
  • กั้นนำ กันฝน
  • แบตฯ ควรใช้งานได้นานอย่างน้อย 1 ปีขึ้นไป
  • ควรรองรับการใช้งานเป็นภาษาไทย 
และที่สำคัญราคาต้องไม่แพงจนเกินไป หลักพันถึงสองพันบาท ถือว่าเหมาะสมที่สุด

สำหรับตัวอย่าง เครื่องเช็คลมยางไร้สาย

  • ยี่ห้อ Axon
  • ยี่ห้อ Banggood
  • ยี่ห้อ CarEud
  • ยี่ห้อ CarChet
  • ยี่ห้อ TyreDog

เนื่องจากทางเราไม่ได้เป็นผู้จัดจำหน่าย ดังนั้น ถ้าสนใจ ก็ลองค้นหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตเพิ่มเติมได้เลยครับ อย่างน้อยก็ลองเปรียบเทียบคุณสมบัติ และราคาที่รับได้ ถือได้ว่า  "เครื่องเช็คลมยางไร้สาย" เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่น่าสนใจ และควรมีติดตั้งประจำรถยนต์ของเรา ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่


Share on Google Plus

About OneNeung

This is a short description in the author block about the author. You edit it by entering text in the "Biographical Info" field in the user admin panel.
    Blogger Comment
    Facebook Comment

0 comments:

Post a Comment